เศร้าเลยผิดหรอนี่
คือผมเดาจากการที่จารย์บอกว่ามันเกี่ยวกะที่คุณปอนด์ถามต่อ
ผมก็เลยใช้ผลจาการทดลองที่ผมเคยทำนิดหน่อย
คือแสงแม้ว่าจะผ่านกระจกใสก็ตามก็จะมีการสะท้อนกลับออกมาอยู่เสมอ
ก็เลยคาดว่ากำแพงก็น่าจะสะท้อนแสงรูปหน้าเราออกมาเช่นกัน
แล้วก็อีกอันหนึ่งที่เป็นห้องสองห้องกั้นกันด้วยกระจกใส
ถ้าเราเราอยู่ในห้องหนึ่งแล้วพยายามมองผ่านไปอีกห้องหนึ่งโดยที่
1 ถ้าเราเปิดไฟสว่างห้องเราปิดไฟมืดอีกห้องเราจะได้แค่รูปของเรา(จางๆ)บนกระจกแทนที่จะได้เห็นอีกห้อง
2 ถ้าเราเปิดไฟอีกห้องและเปิดไฟห้องเราด้วย เราก็จะเห็นภาพอีกห้องและรูปเราซ้อนกันอยู่(ดูแล้วปวดหัว)
3 ถ้าเราปิดไฟห้องเราและเปิดไฟอีกห้อง เราก็จะเห็นภาพของอีกห้องอย่างเดียวเลย
เพราะฉะนั้นผมก็เลยสรุปว่า
แบบที่1 แสงที่สะท้อนจากเราผ่านกระจกใสไปบางส่วนแต่บางส่วนก็สะท้อนกลับมา(ส่วนน้อย)ทำให้เราเห็นรูปเรา
แบบที่2 แสงที่สะท้อนจากเราสะท้อนกลับมาบางส่วน และแสงที่สะท้อนมาจากอีกห้องก็ผ่านกระจกมาเข้าตาเราเราจึงเห้นภาพซ้อนกัน(และถ้าเปิดไฟอีกห้อง
สว่างมากกว่าห้องเรามากๆก็จะเห็นแต่รูปอีกห้อง)
แบบที่3 แสงที่สะท้อนจากเราไม่มีเลยแต่แสงที่สะท้อนจากอีกห้องก็ผ่านมาบางส่วนทำให้เราเห้นภาพอีกห้องอย่างเดียว
จากสองอย่างนี้ผมก็เลยเดาว่า
กำแพงก็น่าจะสะท้อนรูปของเราออกมาเหมือนกันแต่แสงที่สะท้อนออกจากกำแพงโดยตรง(รูปกำแพงจริงไม่ใช่รูปเราที่สะท้อนออกมา)มีความเข้มข้น(นึกคำไม่ออกแล้วอะเลยใช้คำนี้)มากกว่า เราก็เลยเห็นเป็นกำแพงไม่มีรูปหน้าเรา(อาจจะเพราะแสงที่สะท้อนจาเราก็มีความเข้มข้นต่ำอยู่แล้ว(เพราะเราไม่มันวาว)และกำแพงก็สะท้อนได้ไม่ดีเหมือนเราแสงจึงแทบถูกดูดกลืนหายไปหมด) แล้วก็ถ้าเราขัดกำแพงๆเงาๆ เราก็เห็นหน้าเราหนิครับ
เพราะงั้นพอจารย์เอาแบบมีเลนส์ขั้นกับไม่มีมาเปรียบเทียบกันผมก็เลยคิดถึงอันนี้แล้วก็ตอบไปว่าเลนส์น่าจะรวมแล้วให้ความเข้มข้นของรูปวัตถุได้มากกว่าบนกำแพง(ซึ่งจารย์บอกว่าผิดอะ)

เด๋วเดี๋ยวเดี๋ยวจาไปดูกล้องรูเข็มใหม่ครับ