ขอต้อนรับ ผู้มาเยือน กรุณา ล็อกอิน หรือ สมัครสมาชิก

ล็อกอินด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่่าน และระยะเวลาใช้งาน
 
Advanced search

41617 Posts in 6282 Topics- by 9888 Members - Latest Member: Cheer
« previous next »
Pages: « 1 2 3   Go Down
Print
Author Topic: ข้อสอบปลายค่ายหนึ่ง 2554-55 ระดับไม่เกินม.4  (Read 33114 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
krirkfah
SuperHelper
*****
Offline Offline

Posts: 631
« Reply #30 on: May 07, 2013, 04:02:14 PM »
ลองดู link ที่อาจารย์ให้รึยังครับ ทำคล้ายๆแบบนั้น แต่ตรงหาจุดหัก ใช้ \displaystyle\frac{d\tau }{d \zeta }=0 ครับ เหตุที่ใช้แบบนี้ผมคิดว่าจุดนี้น่าจะเป็นจุดที่มีโอกาสหักมากที่สุดครับ จริงๆอาจหักที่จุดที่ทอร์กมีค่าต่ำกว่านี้ก็ได้ครับ แต่เนื่องจากข้อมูลไม่ให้อะไรมาจุดนี้จึงเป็นจุดที่ควรหักมากที่สุดครับ เสร็จแล้วเช็คค่าด้วยครับ ว่าเป็นจุดต่ำสุดหรือสูงสุด โดยใช้ \displaystyle\frac{d^2\tau }{d \zeta ^2} หรือจะแทนค่าในฟังก์ชันทอร์กที่หามาได้ก็ได้ครับ ^^ โดย \zeta คือ ความยาวของท่อนล่างที่แบ่งครับครับ

ปล.พอดีตอนนี้ยังไม่สะดวกที่จะลงรูปให้หนะครับ  Smiley
« Last Edit: May 07, 2013, 04:06:34 PM by krirkfah » Logged
krirkfah
SuperHelper
*****
Offline Offline

Posts: 631
« Reply #31 on: May 07, 2013, 09:33:59 PM »
อาจารย์ครับผมลองอ่าน link ที่อาจารย์ให้แล้ว แต่ผมยังงงว่าเขารู้ได้ไงว่ามีแรงเฉือน กับแรงเค้น(ในทิศตามยาวของท่อนวัตถุ)  idiot2
Logged
krirkfah
SuperHelper
*****
Offline Offline

Posts: 631
« Reply #32 on: May 08, 2013, 02:24:56 AM »
ผมลองไปอ่าน bending moment กับ shearing force มาครับ แต่ไม่พบเหตุผลว่า shearing force เกิดจากอะไรสำหรับสถานการณ์นี้โดยส่วนตัวผมคิดว่าที่ shearing force มีทิศแบบนั้นก็เพราะท่อนล่างพยายามดันท่อนบนเนื่องมากจากท่อนล่างเป็นตัวขับเคลื่อนท่อนไปให้เคลื่อนไปได้(น่าจะคล้ายๆการไถลของแท่งสองแท่ง) ส่วนทำไม f กับ -f ในลิงค์ที่อาจารย์ให้มาถึงมีทิศแบบนั้น แล้วมันเกิดจากอะไร ผมหาคำตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าถ้าดูจากรูปที่แท่งวัตถุมีการเปลี่ยนรูปแรงที่ทำต้องมีทิศแบบใน link มิเช่นนั้นวัตถุจะไม่เปลี่ยนรูปตามภาพใน link ผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ  idiot2
Logged
jali
SuperHelper
*****
Offline Offline

Posts: 930
« Reply #33 on: May 08, 2013, 09:45:03 AM »
Quote from: krirkfah on May 07, 2013, 09:33:59 PM
อาจารย์ครับผมลองอ่าน link ที่อาจารย์ให้แล้ว แต่ผมยังงงว่าเขารู้ได้ไงว่ามีแรงเฉือน กับแรงเค้น(ในทิศตามยาวของท่อนวัตถุ)  idiot2
แรงเค้นมีขึ้นมาเพราะมันเป็นตัวทำให้วัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลม
แรงเฉือนมีขึ้นมาเพราะส่วนของท่อนที่อยู่ถัดกันขึ้นไปมันมีความเร็วไม่เท่ากันกันมันจึงมีความเร่งไม่เท่ากันและดังนั้นมันต้องการแรงในแนวสัมผัสเพิ่มเติม
Logged
krirkfah
SuperHelper
*****
Offline Offline

Posts: 631
« Reply #34 on: May 08, 2013, 12:34:44 PM »
Quote from: jali on May 08, 2013, 09:45:03 AM
แรงเค้นมีขึ้นมาเพราะมันเป็นตัวทำให้วัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลม
แรงเฉือนมีขึ้นมาเพราะส่วนของท่อนที่อยู่ถัดกันขึ้นไปมันมีความเร็วไม่เท่ากันกันมันจึงมีความเร่งไม่เท่ากันและดังนั้นมันต้องการแรงในแนวสัมผัสเพิ่มเติม

งั้นทำไมแรงเค้นมีทั้งทิศขึ้นและลงหละครับ f กับ -f  กล้วรู้ได้ยังไงครับว่าส่วนของท่อนด้านบนมีความเร็วไม่เท่ากัน เพราะโดยปกติความเร็วมันก็ไม่เท่ากันอยู่แล้วในแต่ละจุดดังนั้นความเร่งก็ไม่เท่ากันด้วยในแต่ละจุด
Logged
krirkfah
SuperHelper
*****
Offline Offline

Posts: 631
« Reply #35 on: October 21, 2013, 12:17:30 AM »
Quote from: dy on December 19, 2011, 08:57:38 PM
ข้อ 3

3.2) จากความสมมาตรจะได้ว่าสนามไฟฟ้าในแนวระดับจะหักล้างกันไปหมด เหลือแต่ในแนวดิ่ง พิจารณาสนามจากลวดส่วนบน
\vec{E} &=& \displaystyle \int_{-\pi/2}^{\pi/2} \dfrac{Q \cos \theta d\theta}{4 \pi^2 \varepsilon_0 R^2} &=& \dfrac{Q}{2\pi^2 \varepsilon_0 R^2} (-\hat{j})
สนามจากส่วนล่างก็มีขนาดเท่ากัน เพราะรูปร่างเหมือนกัน และทิศก็เหมือนกันด้วย เพราะเป็นประจุลบ ดังนั้นเราได้ว่าสนามที่จุดศูนย์กลางวงกลมมีค่า  \dfrac{Q^2}{\pi^2 \varepsilon_0 R^2} (-\hat{j})


ต้องเป็น Q เฉยๆรึเปล่าครับ  Smiley
Logged
dy
neutrino
*
Offline Offline

Posts: 384


Every problem has its solution, and its time,too.
« Reply #36 on: October 21, 2013, 07:52:16 AM »
Quote from: krirkfah on October 21, 2013, 12:17:30 AM
Quote from: dy on December 19, 2011, 08:57:38 PM
ข้อ 3

3.2) จากความสมมาตรจะได้ว่าสนามไฟฟ้าในแนวระดับจะหักล้างกันไปหมด เหลือแต่ในแนวดิ่ง พิจารณาสนามจากลวดส่วนบน
\vec{E} &=& \displaystyle \int_{-\pi/2}^{\pi/2} \dfrac{Q \cos \theta d\theta}{4 \pi^2 \varepsilon_0 R^2} &=& \dfrac{Q}{2\pi^2 \varepsilon_0 R^2} (-\hat{j})
สนามจากส่วนล่างก็มีขนาดเท่ากัน เพราะรูปร่างเหมือนกัน และทิศก็เหมือนกันด้วย เพราะเป็นประจุลบ ดังนั้นเราได้ว่าสนามที่จุดศูนย์กลางวงกลมมีค่า  \dfrac{Q^2}{\pi^2 \varepsilon_0 R^2} (-\hat{j})


ต้องเป็น Q เฉยๆรึเปล่าครับ  Smiley

ขอบคุณครับ พิมพ์เกินไป  buck2
Logged
smitten   Cool (\dfrac{ \mbox{PHYSICS}}{ \mbox{BIOLOGY}})^ { \mbox{CHEMISTRY}} &=& \mbox{SCIENCE}

Fight for MIT.

Silver medalist from 44th IPhO , 14th APhO
ปิยพงษ์ - Head Admin
Administrator
SuperHelper
*****
Offline Offline

Posts: 6358


มีน้ำใจ ไม่อวดตัว มั่วไม่ทำ


WWW
« Reply #37 on: November 18, 2013, 06:09:51 PM »
Quote from: jali on March 23, 2013, 09:13:51 PM
ลูกสูบเริ่มเคลื่อนที่จากหยุดนิ่งครับแล้วก็จบด้วยการหยุดนิ่งอีกทีทำให้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพลังงานจลน์
ปล.ผมสงสัยจังครับว่าถ้ามันมีแรงเสียดทานได้แล้วตอนสมดุลเราไม่ต้องคิดแรงเสียดทานด้วยเหรอครับ

เพิ่งได้มาดูละเอียดอีกที

โจทย์ข้อ 6 เป็นโจทย์จาก  The Moscow Institute of Physics and Technology จะต้องแปลโจทย์ใหม่ว่า สภาพสมดุลในโจทย์ไม่ใช่เป็นสภาวะที่ลูกสูบอยู่นิ่ง แต่เป็นสภาวะที่แรงสุทธิที่ทำต่อลูกสูบเป็นศูนย์  ลูกสูบจะยังเคลื่อนที่ต่อไปได้
แล้วเราจะทำข้อนี้ได้โดยไม่มีอะไรขัดกันอย่างตามข้อสังเกตที่ jali ถาม และไม่ต้องคิดว่ามีแรงเสียดทานทำต่อลูกสูบด้วย

ปล. คำตอบสุดท้ายตรงกับที่ Tangg ทำ

แต่ถ้าทำโดยมองว่ากระบวนการเป็นแบบแอเดียแบติก แล้วใช้  PV^{\gamma} = ค่าคงตัว  คำตอบจะเป็นอีกอย่างหนึ่ง ยังคิดไม่ออกว่าทำไม  โจทย์มันอาจขัดกันเองก็ได้  buck2
« Last Edit: November 18, 2013, 06:29:33 PM by ปิยพงษ์ - Head Admin » Logged
มีน้ำใจ ไม่อวดตัว มั่วไม่ทำ
มะตูม Kitabodin
Conan is a physicist
neutrino
*
Offline Offline

Posts: 122

555
« Reply #38 on: March 13, 2014, 03:34:54 PM »
ข้อ 1.1 อิอิ Grin
    \Sigma \vec \tau = I \ddot \theta      
    d I = d m r^2........... \lambda = \frac{m}{L}
    d I = \lambda d r (r^2)
    \int_{}^{} d I = \lambda \int_{0}^{L} r^2 d r
    I = \lambda \frac{L^2}{3} = \frac{M L^2}{3}  
    \int_{}^{} d \vec \tau = \int_{}^{} d m \vec g \times \vec r = \int_{0}^{L}\lambda [(r d r) sin \theta (g)] = \frac{M L^2}{3} \ddot \theta 
    \ddot \theta = \frac{3 g sin \theta}{2 l}
« Last Edit: March 13, 2014, 04:16:23 PM by คีตบดินทร์ เจนณะสมบัติ » Logged
[img alt=]http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/7c/Go-home.svg/100px-Go-home.svg.png[/img]
ปิยพงษ์ - Head Admin
Administrator
SuperHelper
*****
Offline Offline

Posts: 6358


มีน้ำใจ ไม่อวดตัว มั่วไม่ทำ


WWW
« Reply #39 on: March 13, 2014, 04:05:33 PM »
^^^ คีตบดินทร์ เจนณะสมบัติ

ข้อนี้มีคนอื่นทำไว้แล้ว อ่านดูหรือยัง วิธีของคนอื่นไม่ดีอย่างไร แล้วที่คีตบดินทร์เขียนมาดีกว่าอย่างไร ?
Logged
มีน้ำใจ ไม่อวดตัว มั่วไม่ทำ
มะตูม Kitabodin
Conan is a physicist
neutrino
*
Offline Offline

Posts: 122

555
« Reply #40 on: March 13, 2014, 04:17:16 PM »
ผมลองทำดูตรงอินทีเกรตอะครับ
Logged
[img alt=]http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/7c/Go-home.svg/100px-Go-home.svg.png[/img]
Pages: « 1 2 3   Go Up
Print
« previous next »
Jump to: