ข้อที่2พิจารณาวงจรไฟฟ้าในรูปที่3 ซึ่งประกอบไปด้วย แบตเตอรี่
![E=6[V] E=6[V]](/forums/Sources/latex/pictures/eedb1e824a88093762255d458b662738.png)
, สวิตช์

และ

, ตัวต้านทาน
![R_1=4[\Omega] R_1=4[\Omega]](/forums/Sources/latex/pictures/3c348b9fd74f0fb4bdc05a34741288c2.png)
และ
![R_2=2[\Omega] R_2=2[\Omega]](/forums/Sources/latex/pictures/60dbf11d769d99c104845b14a9b32525.png)
และ ตัวเก็บประจุ
![C=2[\mu F] C=2[\mu F]](/forums/Sources/latex/pictures/b2ae693a833b8be023376f500cb9517d.png)
เราอาจมองข้ามความต้านทานภายในของแบตเตอรี่ได้ ในตอนเริ่มแรก สวิตช์ทั้ง2ตัวเปิด(open)อยู่และในตัวเก็บประจุไม่มีประจุสะสมอยู่ จากนั้น สับสวิตช์

หลังจากสับสวิตช์ไปนานมากๆ จนกระทั่งตัวเก็บประจุเต็ม และ วงจรอยู่ในสภาวะsteady
{1} ทันทีที่สับสวิตช์

ลง กระแสไฟฟ้าที่ผ่านตัวต้านทาน

มีค่าเท่าใด
{2} มีประจุสะสมอยู่ในตัวเก็บประจุ

เท่าใด
{3} ช่วงที่ตัวเก็บประจุถูกชาร์ช แบตเตอรี่ทำงานไปเท่าใด
{4} ช่วงตัวเก็บประจุถูกชาร์ช มีปริมาณความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวต้านทาน

เท่าใด
หลังจากนั้น สวิตช์

ยังคงปิดอยู่ และ สับสวิตช์

ลง หลังจากที่สวิตช์

สับลงมานานมากๆ และ วงจรอยู่ในสภาวะsteady อีกครั้งหนึ่ง
{5} มีประจุสะสมอยู่ในตัวเก็บประจุ

เท่าใดหลังจากสับสวิตช์

ลงมานานมากๆแล้ว